วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

ถอดคำประพันธ์ ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา 1





        จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม         เมื่อเป็นความชนะขุนช้างนั่น

กลับมาอยู่บ้านสำราญครัน           เกษมสันต์สองสมภิรมย์ยวน

พร้อมญาติขาดอยู่แต่มารดา                 นึกนึกตรึกตราละห้อยหวน

โอ้ว่าแม่วันทองช่างหมองนวล             ไม่สมควรเคียงคู่กับขุนช้าง

เออนี่เนื้อเคราะห์กรรมนำมาผิด           น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง

ฝ่ายพ่อมีบุญเป็นขุนนาง              แต่แม่ไปแนบข้างคนจังไร

ถอดความได้ว่า
            เมื่อพลายงามชนะความขุนช้าง ก็ได้กลับมาอยู่บ้านอย่างสุขสบาย ขาดก็แต่มารดา พลายงามคิด ว่าแม่วันทองไม่ควรอยู่กับขุนช้าง อาจจะเป็นเคราะห์กรรมของแม่วันทองถึงต้องมาอับอายแบบนี้ พ่อก็เป็นถึงขุนนาง แต่แม่กลับไปอยู่กับคนจัญไร

----------------------------------------------------------------------------


รูปร่างวิปริตผิดกว่าคน                  ทรพลอัปรีย์ไม่ดีได้ 
ทั้งใจคอชั่วโฉดโหดไร้                 ช่างไปหลงรักใคร่ได้เป็นดี
วันนั้นแพ้กูเมื่อดำน้ำ                    ก็กริ้วซ้ำจะฆ่าให้เป็นผี
แสนแค้นด้วยมารดายังปรานี          ให้ไปขอชีวีขุนช้างไว้
แค้นแม่จำจะแก้ให้หายแค้น           ไม่ทดแทนอ้ายขุนช้างบ้างไม่ได้
หมายจิตคิดจะให้มันบรรลัย           ไม่สมใจจำเพาะเคราะห์มันดี

   
คำศัพท์
วันนั้นแพ้กูเมื่อดำน้ำ หมายถึง จมื่นไวยเท้าความถึงตอนที่ขุนช้างดำน้ำพิสูจน์โทษเมื่อเป็นคดีกับตัว
              
ถอดความได้ว่า
              รูปร่างน่าเกลียด ใจคอโหดเหี้ยม ไม่รู้ว่าแม่วันทองไปรักขุนช้างได้อย่างไร ท้าวความถึงตอนที่ขุนช้างดำน้ำเพื่อพิสูจน์โทษเมื่อเป็นคดีกับตน พลายงามโกรธมากและจะฆ่าขุนช้างให้ตาย แต่มารดาห้ามและขอชีวิตไว้

 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

             อย่าเลยจะรับแม่กลับมา                ให้อยู่ด้วยบิดาเกษมศรี 
พรากให้พ้นคนอุบาทว์ชาติอัปรีย์               ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความโกรธา

อัดอึดฮึดฮัดด้วยขัดใจ                                 เมื่อไรตะวันจะลับหล้า

เข้าห้องหวนละห้อยคอยเวลา                     จวนสุริยาเลี้ยวลับเมรุไกร 
เงียบสัตว์จัตุบททวิบาท                               ดาวดาษเดือนสว่างกระจ่างไข

น้ำค้างตกกระเซ็นเย็นเยือกใจ                      สงัดเสียงคนใครไม่พูดจา
คำศัพท์
เมรุไกร หมายถึง ภูเขาใหญ่
จัตุบททวิบาท หมายถึง (สัตว์) สี่เท้า  สองเท้า
ถอดความได้ว่า
พลายงามแค้นขุนช้างมาก จะต้องหาทางแก้แค้นขุนช้างให้ได้ ใจก็อยากให้ขุนช้างตาย แต่ขุนช้างดวงดีไม่เป็นดังที่ตนหวังไว้ ก็เลยจะรับแม่(นางวันทอง)ให้มาอยู่บ้านกับพ่อ(ขุนแผน) จะพาแม่หนีให้พ้นจากขุนข้างคนชั่วช้าใจทราม ยิ่งคิดก็ยิ่งคับแค้นใจ กระวนกระวายว่าเมื่อไรจะค่ำที่จะได้ไปรับแม่กลับบ้าน จนตะวันลับขอบฟ้า ไม่มีแม้แต่เสียงเท้าสัตว์เดิน ดาวที่อยู่บนท้องฟ้าส่องแสงสว่าง  ในตอนมืดอากาศเริ่มเย็นมีน้ำค้าง เงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงคนพูด ได้ยินเสียง


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
          
ได้ยินเสียงฆ้องย่ำประจำวัง               ลอยลมล่องดังถึงเคหา
คะเนนับย่ำยามได้สามครา                ดูเวลาปลอดห่วงทักทิน

ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง                  จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสิ้น

จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกิน          เสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว

ลงยันต์ราชะเอาปะอก                    หยิบยกมงคลขึ้นใส่หัว

เป่ามนตร์เบื้องบนชอุ่มมัว                พรายยั่วยวนใจให้ไคลคลา
คำศัพท์
มงคล ในที่นี้หมายถึงสิ่งที่ทำเป็นวงใช้สวมศีรษะ
ทักทิน หมายถึง วันชั่วร้ายตามความเชื่อโหราศาสตร์
ถอดความได้ว่า
เสียงฆ้องตีบอกเวลาจากวัง ลอยมาตามลมได้ยินถึงบ้าน นับได้เป็นเวลาตีสาม เป็นเวลาที่จะได้ปลดปล่อยความชั่วร้าย  เมื่อท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวและดวงจันทร์สว่างไม่มีเมฆบดบัง จึงได้นำเหล้าและอาหารไปเซ่นให้ผีพรายกิน เอาขมิ้นมาทาตามตัว ลงยันต์ที่อกและเอาสิ่งมงคลมาใส่หัว เป่ามนตร์คาถา เพื่อให้หลงมนตร์ที่เป่าลงไป


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


จับดาบเคยปราบณรงค์รบ
เสร็จครบบริกรรมพระคาถา
ลงจากเรือนไปมิได้ช้า
รีบมาถึงบ้านขุนช้างพลัน
          เห็นคนนอนล้อมอ้อมเป็นวง
ประตูลั่นมั่นคงขอบรั้วกั้น
กองไฟสว่างดังกลางวัน
หมายสำคัญตรงมาหน้าประตู
จึงร่ายมนตรามหาสะกด
เสื่อมหมดอาถรรพณ์ที่ฝังอยู่
ภูตพรายนายขุนช้างวางวิ่งพรู
คนผู้ในบ้านก็ซานเซอะ

คำศัพท์

บริกรรม หมายถึง สำรวมในร่ายมนตร์หรือเสกคาถาซ้ำๆหลายๆหน เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์

ถอดความได้ว่า

นำดาบที่เคยรบมาร่ายมนตร์เสกคาถา และลงจากเรือนรีบไปบ้านขุนช้าง เมื่อมาถึงก็เห็นคนนอนหลับกันหมด ประตูปิดสนิท มีกองไฟสว่างอยู่หน้าบ้าน พลายงามรีบมาที่หน้าประตู ร่ายมนตร์สะกดพวกผีพรายของขุนช้าง ผู้คนในบ้านต่างง่วงหลับด้วยมนตร์ของพลายงาม



-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ทั้งชายหญิงง่วงงมล้มหลับ
นอนทับคว่ำหงายก่ายกันเปรอะ
จี่ปลาคาไฟมันไหลเลอะ
โงกเงอะงุยงมไม่สมประดี
ใช้พรายถอดกลอนถอนลิ่ม
รอยทิ่มถอดหลุดไปจากที่
ย่างเท้าก้าวไปในทันที
มิได้มีใครทักแต่สักคน
มีแต่หลับเพ้อมะเมอฝัน
ทั้งไฟกองป้องกันทุกแห่งหน
ผู้คนเงียบสำเนียงเสียงแต่กรน
มาจนถึงเรือนเจ้าขุนช้าง

ถอดความได้ว่า
ผู้คนในบ้านต่างก็ง่วงหลับด้วยมนต์ของพลายงาม นอนทับกันไปมา พลายงามจึงใช้ให้พรายไปถอดกลอนประตู และก้าวเข้าไปถึงเรือนของขุนช้าง

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  
จุดเทียนสะกดข้าวสารปราย
ภูตพรายโดดเรือนสะเทือนผาง
สะเดาะดาลบานเปิดหน้าต่างกาง
ย่างเท้าก้าวขึ้นร้านดอกไม้
หอมหวนอวลอบบุปผชาติ
เบิกบานก้านกลาดกิ่งไสว
เรณูฟูร่อนขจรใจ
ย่างเท้าก้าวไปไม่โครมคราม
ข้าไทนอนหลับลงทับกัน
สะเดาะกลอนถอนลั่นถึงชั้นสาม
กระจกฉากหลากสลับวับแวมวาม
อร่ามแสงโคมแก้วแววจับตา
คำศัพท์
ข้าวสารปราย หมายถึง ข้าวสารที่เสกแล้วซัดให้กระจาย
ร้านดอกไม้ ในที่นี้หมายถึงชานเรือนโบราณที่ปลูกดอกไม้ไว
สะเดาะกลอน หมายถึง ทำให้กลอนประตูหลุดออกได้ด้วยคาถาอาคม
ถอดความได้ว่า
พลายงามจุดเทียนร่ายมนต์สะกด โปรยข้าวสารเสกใส่ทำให้ภูตพรายหนีกันอลหม่าน จึงสะเดาะกลอนประตูเข้าไปถึงสามชั้น บานหน้าต่าง เข้าไปข้างในห้อง และได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่หอมหวนอบอวลไปทั่วห้อง แล้วก้าวเข้าไปอย่างเงียบๆ พวกข้ารับใช้กำลังนอนหลับ พลายงามจึงใช้มนตร์สะเดาะกลอนประตูเข้ามาภายในถึง3ชั้น


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ม่านมู่ลี่มีฉากประจำกั้น

อัฒจันทร์เครื่องแก้วก็หนักหนา
ชมพลางย่างเยื้องชำเลืองมา
เปิดมุ้งเห็นหน้าแม่วันทอง
นิ่งนอนอยู่บนเตียงเคียงขุนช้าง
มันแนบข้างกอดกลมประสมสอง
เจ็บใจดังหัวใจจะพังพอง
ขยับจ้องดาบง่าอยากฆ่าฟัน
จะใครถีบขุนช้างที่กลางตัว
นึกกลัวจะถูกแม่วันทองนั่น
พลางนั่งลงนอบนบอภิวันทน์
สะอื้นอั้นอกแค้นน้ำตาคลอ
คำศัพท์
อัฒจันทร์ ในที่นี้หมายถึง ชั้นที่ตั้งเครื่องแก้วซึ่งเป็นของประดับบ้าน
ถอดความได้ว่า
เมื่อเข้าไปถึงในห้องมีทั้งกระจกฉาก และม่านมู่ลี่ที่กั้นอยู่ เมื่อพลายงามเดินมาถึง พลายงามจึงเปิดมุ้งและเห็นขุนช้างนอนกอดแม่วันทองอยู่ จึงเจ็บใจจนอยากจะชักดาบมาฆ่ามัน คิดจะถีบขุนช้างก็กลัวจะถูกแม่วันทอง พลายงามจึงนั่งลงและยกมือไหว้ สะอื้นน้ำตาคลอ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย
ไม่ควรเลยจะพรากจากคุณพ่อ
เวรกรรมนำไปไม่รั้งรอ
มิพอที่จะต้องพรากก็จากมา
มันไปฉุดมารดาเอามาไว้
อ้ายหัวใสข่มเหงไม่เกรงหน้า
ที่ทำแค้นกูจะแทนให้ทันตา
ขอษมาแม่แล้วก็ขับพราย
เป่าลงด้วยพระเวทวิทยา
มารดาก็ฟื้นตื่นโดยง่าย
ดาบใส่ฝักไว้ไม่เคลื่อนคลาย
วันทองรู้สึกกายก็ลืมตา

คำศัพท์
วิทยา หมายถึง ความรู้
ถอดความได้ว่า
พลายงามรำพันว่านางวันทองไม่ควรพลัดพรากจากขุนแผน แล้วโทษว่าเป็นเวรกรรมที่ทำให้ต้องแยกกัน พรายงามได้แม่แล้วขอขมาไล่พราย พร้อมทั้งเป่ามนต์ให้แม่วันทองตื่นขึ้นมา

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


        ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง
ต้องมนตร์มัวหมองเป็นหนักหนา
ตื่นพลางทางชำเลืองนัยน์ตามา
เห็นลูกยานั้นยืนอยู่ริมเตียง
สำคัญคิดว่าผู้ร้ายให้นึกกลัว
กอดผัวร้องดันจนสิ้นเสียง
ซวนซบหลบลงมาหมอบเมียง
พระหมื่นไวยเข้าเคียงห้ามมารดา
อะไรแม่แซ่ร้องทั้งห้องนอน
ลูกร้อนรำคาญใจจึงมาหา
จะร้องไยใช่โจรผู้ร้ายมา
สนทนาด้วยลูกอย่าตกใจ
คำศัพท์
นัยน์ตา หมายถึง ดวงตา
ถอดความได้ว่า
นางวันทองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาสายตามองเห็นพลายงามแต่คิดว่าเป็นโจรจึงเข้า กอดขุนช้างด้วยความกลัว พลายงามปลอบ บอกนางวันทองว่าลูกพลายงามเอง ไม่ใช่โจรผู้ร้าย แม่อย่าตกใจไปเลย

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

         ครานั้นวันทองผ่องโสภา
ครั้นรู้ว่าลูกยาหากลัวไม่
ลูกออกมาพลันด้วยทันใด
พระหมื่นไวยเข้ากอดเอาบาทา
วันทองประคองสอดกอดลูกรัก
ซบพักตร์ร้องไห้ไม่เงยหน้า
เจ้ามาไยป่านนี้นี่ลูกอา 
เขารักษาอยู่ทุกแห่งตำแหน่งใน
ใส่ดาลบ้านช่องกองไฟรอบ
พ่อช่างลอบเข้ามากระไรได้
อาจองทะนงตัวไม่กลัวภัย
นี่พ่อใช้ฤาว่าเจ้ามาเอง
ถอดความได้ว่า
เมื่อวันทองรู้ว่าพลายงามมาหา ก็รีบลุกเข้าไปกอดพลายงามแล้วก็ซบหน้าร้องไห้
แล้วถามว่าลูกผ่านคนที่คอยเฝ้าอยู่มาได้ยังไงที่นี่มีคนคอยเฝ้าดูแลอยู่ทุกตำแหน่ง
ทำไมถึงรอดเข้ามาได้ลูกไม่กลัวหรอ นี่ขุนแผนใช้ลูกมา หรือ ลูกมาเอง

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขุนช้างตื่นขึ้นมิเป็นการ
เขาจะรุกรานพาลข่มเหง
จะเกิดผิดแม่คิดคะนึงเกรง
ฉวยสบเพลงพลาดพล้ำมิเป็นการ
มีธุระสิ่งไรในใจเจ้า
พ่อจงเล่าแก่แม่แล้วกลับบ้าน
มิควรทำเจ้าอย่าทำให้รำคาญ
อย่าหาญเหมือนพ่อนักคะนองใจ
          จมื่นไวยสารภาพกราบบาทา
ลูกมาผิดจริงหาเถียงไม่
รักตัวกลัวผิดแต่คิดไป
ก็หักใจเพราะรักแม่วันทอง
คำศัพท์
ฉวยสบเพลง หมายถึง บังเอิญถูกจังหวะ
ถอดความได้ว่า
ถ้าขุนช้างตื่นมาอาจจะทำร้ายลูกได้นะแม่เป็นห่วงมาก แม่กลัวว่าถ้าลูกเสียจังหวะ
พลาดพล้ำไปพลายงามอาจจะถูกทำร้ายได้นะแม่กลัว ถ้ามีธุระอะไรด่วนก็รีบมาเล่าให้แม่ฟัง แล้วก็รีบกลับไปซะ อย่าทำตัวกล้าหาญเหมือนขุนแผนพ่อของลูก พลายงามกราบเท้าแม่แล้วบอกว่าลูกทำผิดจริงจะไม่เถียงผิดที่คิดไปแต่ก็ต้องจำ ใจเพราะรักแม่วันทอง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทุกวันนี้ลูกชายสบายยศ
พร้อมหมดเมียมิ่งก็มีสอง
มีบ่าวไพร่ใช้สอยทั้งเงินทอง
พี่น้องข้างพ่อก็บริบูรณ์
ยังขาดแต่แม่คุณไม่แลเห็น
เป็นอยู่ก็เหมือนตายไปหายสูญ
ข้อนี้ที่ทุกข์ยังเพิ่มพูน
ถ้าพร้อมมูลแม่ด้วยจะสำราญ
ลูกมาหมายว่าจะมารับ
เชิญแม่วันทองกลับคืนไปบ้าน
แม้จะบังเกิดเหตุเภทพาล
ประการใดก็ตามแต่เวรา

ถอดความได้ว่า
ทุกวันนี้พลายงามสบายมียศถาบรรดาศักดิ์ มีพร้อมทุกอย่างทั้งเงินทองบ่าวไพร่เมียก็มีสองคน ผู้ใหญ่ฝ่ายพอก็อยู่ดี ยังขาดแต่แม่วันทองไม่มองเห็น อยู่ไปก็เหมือนตายไม่เคยสนใจเพราะอย่างนี้ที่ยังทุกข์หนัก ถ้ามีแม่วันทองด้วยจะสุขสำราญ ที่ลูกมาตั้งใจว่าจะมารับแม่วันทองกลับบ้านเรา ถึงจะเกิดเรื่องก็แล้วแต่เวรแต่กรรม

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มาอยู่ไยกับอ้ายหินชาติ
แสนอุบาทว์ใจจิตริษยา
ดังทองคำเลี่ยมปากกะลา
หน้าตาดำเหมือนมินหม้อมอม
เหมือนแมลงวันว่อนเคล้าที่เน่าชั่ว
มาเกลือกกลั้วปทุมมาลย์ที่หวานหอม
ดอกมะเดื่อฤๅจะเจือดอกพะยอม
ว่านักแม่จะตรอมระกำใจ
แม่เลี้ยงลูกมาถึงเจ็ดขวบ
เคราะห์ประจวบจากแม่หาเห็นไม่
จะคิดถึงลูกบ้างฤาอย่างไร 
ฤาหาไม่ใจแม่ไม่คิดเลย
ถ้าคิดเห็นเอ็นดูว่าลูกเต้า
แม่ทูนเกล้าไปเรือนอย่าเชือนเฉย
ให้ลูกคลายอารมณ์ได้ชมเชย
เหมือนเมื่อครั้งแม่เคยเลี้ยงลูกมา


คำศัพท์
มินหม้อ หมายถึง เขม่าดำที่ติดก้นหม้อ

ถอดความได้ว่า
มาอยู่ทำไมกับคนเลวทรามชั่วขี้อิจฉาแบบนี้ หน้าตาก็มอมแมมดำอย่างกับเขม่าที่ติดก้นหม้อ น่าเกลียดเหมือนแมลงวันเน่ามาบินตอมดอกไม้ที่สวยงามอย่างแม่ เหมือนคนชั่วมาปนกับคนดี จะว่ามากก็กลัวแม่จะทุกข์ใจ แม่เลี้ยงลูกมาถึง 7 ขวบ เพราะเคราะห์กรรมของแม่ถึงต้องจากกัน แม่วันทองคิดถึงลูกบ้างไหม หรือว่าแม่ไม่คิดถึงลูกเลย ถ้าแม่ยังเอ็นดูลูกอยู่ แม่รีบไปกับอยู่กับลูก เหมือนครั้งที่แม่เคยเลี้ยงดูลูกมา

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
***********
           ถอดคำประพันธ์โดยเด็ก 6/7 นบ. รุ่น81
           ผิดพลาดประการใดโปรดแสดงความคิดเห็นเพื่อแจ้งให้แก้ไข







8 ความคิดเห็น:

  1. โหๆๆๆ ขอบคุณมากๆๆเลย ครับๆๆๆ อย่างนี้พอมีแนวทางให้ผมบ้าง จะได้ มั้นใจหน่อยเวลลาถอดอ่าครับยๆๆ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากค่ะ คือรีบมากๆงานต้องส่งวันจันทร์นี้แล้ว แปลไม่ทันแน่ๆ ขอบคุณมากๆนะคะ ^^

    ตอบลบ
  3. งานเดียวกันเลย สงสัยจะเป็น อ.นงนารถใช่ไม๊คะ5555555

    ตอบลบ
  4. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  5. ถอดความไกรทองไห้หน่อยคับ

    ตอบลบ
  6. ถอดความไกรทองไห้หน่อยค้าบ

    ตอบลบ
  7. ฝากถอดหน่อยค่ะ
    ๏ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่ง น้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน
    ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจน โจงกระเบนมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ
    แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่มหุ้ม ออกย่างดุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ
    ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำ แล้วรีบร่ำเดินตรงเข้าดงตาล
    ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อย เห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร
    จะนั่งหยุดพูดจาจะช้าการ ลาสมภารพามาป่าสะแก
    ให้ขนมส้มสูกแก่ลูกรัก สงสารนักจะร้างไปห่างแม่
    หนทางบ้านกาญจน์บุรีตรงนี้แล จำให้แน่นะอย่าหลงเที่ยววงเวียน
    อุตส่าห์ไปให้ถึงเหมือนหนึ่งว่า ให้คุณย่าเป็นอาจารย์สอนอ่านเขียน
    จงหมายมุ่งทุ่งกว้างตามทางเกวียน ที่โล่งเลี่ยนลัดไปในไพรวัน
    แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของ ให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ
    แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกัน สะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา
    ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบ ช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา
    ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพา ไปถึงย่าอย่าให้หลงเที่ยววงวน
    ทั้งพ่อคุณขุนแผนแสนวิเศษ บังเกิดเกศแก้วตาสถาผล
    ช่วยลูกชายพลายงามเมื่อยามจน ให้รอดพ้นภัยพาลถึงกาญจน์บุรี
    นางครวญคร่ำร่ำว่าน้ำตาตก เหมือนหนึ่งอกพุพองเป็นหนองฝี
    แม่อุ้มท้องครองเลี้ยงถึงเพียงนี้ ได้สิบปีเศษแล้วจะแคล้วกัน
    เคยกินนอนวอนแม่ไม่แหห่าง จะอ้างว้างเปล่าใจในไพรสัณฑ์
    ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าพัน จะนับวันนับเดือนไปเลื่อนลับ
    นับปีมิได้มาเห็นหน้าแม่ จะห่างแหหายเหมือนเมื่อเดือนดับ
    โอ้เสียชาติวาสนาแม่อาภัพ ให้ย่อยยับยากแค้นแสนระยำ
    จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจาก จนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ
    มามีลูกลูกก็จากวิบากกรรม สะอื้นร่ำรันทดสลดใจ ฯ
    ๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
    แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
    แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะไอ้ขุน
    เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
    แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
    จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
    แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
    จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ฯ

    ตอบลบ
  8. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ