ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุขุ่นเคืองเป็นหนักหนา
อ้ายหมื่นไวยทำใจอหังการ์ ตกว่าบ้านเมืองไม่มีนาย
จะปรึกษาตราสินให้ไม่ได้ จึงทำตามน้ำใจเอาง่ายง่าย
ถ้าฉวยเกิดห่าฟันกันล้มตาย อันตรายไพร่เมืองก็เคืองกู
อีวันทองกูให้อ้ายแผนไป อ้ายช้างบังอาจใจทำจู่ลู่
ฉุดมันขึ้นช้างอ้างถึงกู ตะคอกขู่อีวันทองให้ตกใจ
คำศัพท์
ตกว่า
หมายถึง ราวกับว่า
ตราสิน
หมายถึง
แจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐาน
จู่ลู่
หมายถึง หุนหันพลันแล่น ในความว่า
“อ้ายช้างบังอาจใจทำจู่ลู่”
ถอดความได้ว่า
เมื่อพระพันวษาได้ฟังความจากนางวันทอง
ก็โกรธจมื่นไวยที่ทำการอุกอาจทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ถ้าเกิดมีการฆ่าฟันล้มตาย
ประชาชนจะขุ่นเคืองพระพันวษาได้
ทางด้านขุนช้างก็ผิดที่ไปฉุดตัวนางวันทองมา แล้วยังอ้างชื่อพระพันวษาไปข่มขู่พาตัวนางวันทองมา
-------------------------------------------------------------------------------
ชอบตบให้สลบลงกับที่ เฆี่ยนตีเสียให้ยับไม่นับได้
มะพร้าวห้าวยัดปากให้สาใจ อ้ายหมื่นไวยก็โทษถึงฉกรรจ์
มึงถือว่าอีวันทองเป็นแม่ตัว ไม่เกรงกลัวเว้โว้ทำโมหันธ์
ไปรับไยไม่ไปในกลางวัน อ้ายแผนพ่อนั้นก็เป็นใจ
มันเหมือนวัวเคยขาม้าเคยขี่ ถึงบอกกูว่าดีหาเชื่อไม่
อ้ายช้างมันก็ฟ้องเป็นสองนัย ว่าอ้ายไวยลักแม่ให้บิดา
คำศัพท์
วัวเคยขาม้าเคยขี่
หมายถึง คุ้นเคยกันมาอย่างดี รู้ทีกัน เข้าใจในทำนองของกันและกัน
สำนวนนี้ส่วนมากใช้กับคนที่เคยเป็นสามี ภรรยากัน
ถอดความได้ว่า
เฆี่ยนตีขุนช้างให้สลบคาที่
แล้วเอามะพร้าวห้าวยัดปาก จมื่นไวยก็มีความผิดฉกรรจ์ที่ไปพาตัวนางวันทองมากลางดึก คงจะมีขุนแผนผู้เป็นพ่อคอยหนุนหลัง เพราะว่าขุนช้างเอาเรื่องมาบอกพระพันวษาว่า จมื่นไวยฉุดนางวันทองกลับไปให้พ่อถือว่าเป็นความผิด
-------------------------------------------------------------------------------
เป็นราคีข้อผิดมีติดตัว หมองมัวมลทินอยู่หนักหนา
ถ้าอ้ายไวยอยากจะใคร่ได้แม่มา ชวนพ่อฟ้องหาเอาเป็นไร
อัยการศาลโรงก็มีอยู่ หรือว่ากูตัดสินให้ไม่ได้
ชอบทวนด้วยลวดให้ปวดไป ปรับไหมให้เท่ากับชายชู้
มันเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะหญิง จึงหึงหวงช่วงชิงยุ่งยิ่งอยู่
จำจะตัดรากใหญ่ให้หล่นพรู ให้ลูกดอกดกอยู่แต่กิ่งเดียว
คำศัพท์
ทวนด้วยลวด
หมายถึง เฆี่ยนตีด้วยหนังที่ทำเป็นเส้นยาวๆซึ่งเรียกว่าลวดหนัง
ถอดความได้ว่า
ถ้าจมื่นไวยอยากได้ตัวแม่ ทำไมไม่พาพ่อมาฟ้องศาล หรือคิดว่าพระพันวษาไม่สามารถตัดสินให้ได้ ต้องลงโทษด้วยลวดและปรับ ส่วนขุนช้างก็บังอาจอ้างราชโองการ ควรตบให้สลบ
แล้วเอามะพร้าวยัดปาก แล้วรับสั่งว่าจะต้องแก้ปัญหานี้ให้จบเสียที
ต้องตัดรากใหญ่(ปัญหา) ให้เหลือลูกดอกกิ่งเดียว
(ให้นางวันทองตัดสินใจเลือกเพียงหนึ่ง)
-------------------------------------------------------------------------------
อีวันทองตัวมันเหมือนรากแก้ว ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว
ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้
เฮ้ยอีวันทองว่ากระไร มึงตั้งใจปลดปลงให้ตรงที่
อย่าภวังค์กังขาเป็นราคี เพราะมึงมีผัวสองกูต้องแค้น
ถ้ารักใหม่ก็ไปอยู่กับอ้ายช้าง ถ้ารักเก่าเข้าข้างอ้ายขุนแผน
อย่าเวียนวนไปให้คนมันหมิ่นแคลน ถ้าแม้นมึงรักไหนให้ว่ามา
คำศัพท์
รากใหญ่
หมายถึง นางวันทอง
ถอดความได้ว่า
นางวันทองเหมือนกับรากแก้วถ้าตัดโคนได้แล้วใบก็จะเหี่ยวไปเอง
พระพันวษาตรัสว่านางวันทองจะตกลงยังไง อย่าลังเลเพราะมีทั้งผัวและลูก ถ้ารักใหม่ก็ให้ไปอยู่กับขุนช้าง
แต่ถ้ารักก็เลือกขุนแผน อย่าชักช้าคนจะนินทาเอาได้ จะเลือกใครก็ว่ามา
-------------------------------------------------------------------------------
ครานั้นวันทองฟังรับสั่ง ให้ละล้าละลังเป็นหนักหนา
ครั้นจะทูลกลัวพระราชอาญา ขุนช้างแลดูตายักคิ้วลน
พระหมื่นไวยใช้ใบ้ให้แม่ว่า บุ้ยปากตรงบิดาเป็นหลายหน
วันทองหมองจิตคิดเวียนวน เป็นจนใจนิ่งอยู่ไม่ทูลไป
ครานั้นพระองค์ทรงธรณินทร์ หาได้ยินวันทองทูลขึ้นไม่
พระตรัสความถามซักไปทันใด หรือมึงไม่รักใครให้ว่ามา
ถอดความได้ว่า
นางวันทองได้ฟังคำพระพันวษาก็เกิดลังเลว่าจะเลือกใคร
มองไปทางขุนช้างก็ยักคิ้ว มองไปทาง
จมื่นไวยก็ทำปากบุ้ยไปตรงพ่อ วันทองคิดวนไปวนมา
ก็ยังไม่ทูลอะไรแก่พระพันวษา พระพันวษาไม่เห็นว่านางวันทองทูลอะไร
ทรงตรัสถามต่อว่าจะไม่รักใครให้ว่ามา
-------------------------------------------------------------------------------
จะรักชู้ชังผัวมึงกลัวอาย จะอยู่ด้วยลูกชายก็ไม่ว่า
ตามใจกูจะให้ดังวาจา แต่นี้เบื้องหน้าขาดเด็ดไป
นางวันทองรับพระราชโองการ ให้บันดาลบังจิตหาคิดไม่
อกุศลดลมัวให้ชั่วใจ ด้วยสิ้นในอายุที่เกิดมา
คิดคะนึงตะลึงตะลานอก ดังตัวตกพระสุเมรุภูผา
ให้อุธัจอัดอั้นตันอุรา เกรงผิดภายหน้าก็สุดคิด
ถอดความได้ว่า
จะไปอยู่กับลูกไหม
ตามแต่ใจ แต่ถ้าตอบมาแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นางวันทองรับพระราชโองการดังนั้นก็คิดไม่ออก
ถึงเวลาสิ้นอายุ จึงเกิด “อกุศล” ทำให้ประหม่าและเกรงว่าจะตัดสินใจผิด
-------------------------------------------------------------------------------
จะว่ารักขุนช้างกระไรได้ ที่จริงใจมิได้รักแต่สักหนิด
รักพ่อลูกห่วงดังดวงชีวิต แม้นทูลผิดจะพิโรธไม่โปรดปราน
อย่าเลยจะทูลเป็นกลางไว้ ตามพระทัยท้าวจะแยกให้แตกฉาน
คิดแล้วเท่านั้นมิทันนาน นางก้มกรานแล้วก็ทูลไปฉับพลัน
ความรักขุนแผนก็แสนรัก ด้วยร่วมยากมานักไม่เดียดฉันท์
สู้ลำบากบุกป่ามาด้วยกัน สารพันอดออมถนอมใจ
ถอดความได้ว่า
จะว่ารักขุนช้างก็ไม่ได้เพราะตนไม่ได้รัก
ถ้าเกิดทูลพระพันวษาผิดก็จะเป็นทูล
จึงทูลเป็นกลางๆตามแต่พระทัยของพระพันวษาว่าจะตัดสินใจอย่างไร
จึงทูลออกไปว่าขุนแผนนั้นก็แสนรักร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมานาน
-------------------------------------------------------------------------------
ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมา คำหนักหาได้ว่าให้เคืองไม่
เงินทองกองไว้มิให้ใคร ข้าไทใช้สอยเหมือนของตัว
จมื่นไวยเล่าก็เลือดที่ในอก ก็หยิบยกรักเท่ากันกับผัว
ทูลพลางตัวนางเริ่มระรัว ความกลัวอาญาเป็นพ้นไป
ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบแค้นคลั่งดังเพลิงไหม้
เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง
ถอดความได้ว่า
ขุนช้างอยู่ด้วยกันมาก็ไม่เคยทำเรื่องให้ขุ่นเคืองใจและมีเงินทองบ่าวไพร่ใช้ไม่ขัดสน
ส่วนจมื่นไวยที่เป็นลูกชายก็เป็นเหมือนเลือดในอก ย่อมรักเท่ากับรักผัวอยู่แล้ว ทูลเสร็จนางวันทองก็สั่นด้วยความกลัว
หลังจากนางวันทองทูล
พระพันวษากริ้วอย่างมากเหมือนดินประสิวที่โดนไฟแล้วปะทุ
-------------------------------------------------------------------------------
จะว่ารักข้างไหนไม่ว่าได้ น้ำใจจะประดังเข้าทั้งสอง
ออกนั่นเข้านี่มีสำรอง ยิ่งกว่าท้องทะเลอันล้ำลึก
จอกแหนแพเสาสำเภาใหญ่ จะทอดถมเท่าไรไม่รู้สึก
เหมือนมหาสมุทรสุดซึ้งซึก น้ำลึกเหลือจะหยั่งกระทั่งดิน
อิฐผาหาหาบมาทุ่มถม ก็จ่อมจมสูญหายไปหมดสิ้น
อีแสนถ่อยจัญไรใจทมิฬ ดังเพชรนิลเกิดขึ้นในอาจม
ถอดความได้ว่า
นางวันทองไม่ยอมบอกว่าจะเลือกใคร
พระพันวษารับสั่งด่านางวันทองว่ารักข้างไหนเลือกไม่ถูกจะเอาไว้สำรองทั้งสองยิ่งว่าความลึกของทะเลทอดสมอลึกเกินจะหยั่งถึงได้
คนถ่อย จัญไร ใจทมิฬ เหมือนเพชรที่เกิดในสิ่งสกปรก
-------------------------------------------------------------------------------
รูปงามนามเพราะน้อยไปหรือ ใจไม่ซื่อสมศักดิ์เท่าเส้นผม
แต่ใจสัตว์มันยังมีที่นิยม สมาคมก็แต่ถึงฤดูมัน
มึงนี่ถ่อยยิ่งกว่าถ่อยอีท้ายเมือง จะเอาเรื่องไม่ได้สักสิ่งสรรพ์
ละโมบมากตัณหาตาเป็นมัน สักร้อยพันให้มึงไม่ถึงใจ
ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว หาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่
หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไย อ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา
ถอดความได้ว่า
หน้าตาสวยงามชื่อเพราะน้อยไปหรือถึงได้จิตใจไม่ซื่อเท่ากับเส้นผม
เลวกว่าสัตว์เพราะสัตว์ยังมีฤดูผสมพันธุ์ หญิงชั่วยังมีผัวคราวละคน
จะอยู่ให้หนักแผ่นดินทำไม ทรงหันไปตรัสกับจมื่นไวยว่าอย่านับนางวันทองเป็นแม่ให้อายเขา
-------------------------------------------------------------------------------
กูเลี้ยงมึงถึงให้เป็นหัวหมื่น คนอื่นรู้ว่าแม่ก็ขายหน้า
อ้ายขุนช้างขุนแผนทั้งสองรา กูจะหาเมียให้อย่าอาลัย
หญิงกาลกิณีอีแพศยา มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย
ที่รูปรวยสวยสมมีถมไป มึงตัดใจเสียเถิดอีคนนี้
เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี
อกเอาขวานผ่าอย่าปรานี อย่าให้มีโลหิตติดดินกู
เอาใบตองรองไว้ให้หมากิน ตกดินจะอัปรีย์กาลีอยู่
ฟันให้หญิงชายทั้งหลายดู สั่งเสร็จเสด็จสู่ปราสาทชัย
ถอดความได้ว่า
รับสั่งขุนช้างกับขุนแผนพระองค์จะทรงหาเมียใหม่ให้
แล้วรับสั่งให้เอานางวันทองไปประหารชีวิต เอาขวานผ่าอก
แล้วเอาใบตองมารองเลือดให้หมากิน อย่าให้เลือดอัปรีย์กาลีตกถึงพื้นดินเลย
รับสั่งเสร็จก็เสด็จเข้าสู่ปราสาทที่ประทับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
***********
ถอดคำประพันธ์โดยเด็ก 6/7 นบ. รุ่น81
ผิดพลาดประการใดโปรดแสดงความคิดเห็นเพื่อแจ้งให้แก้ไข