วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

ถอดคำประพันธ์ ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา 2




        ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง                  เศร้าหมองด้วยลูกเป็นหนักหนา
พ่อพลายงาม ทรามสวาดิ ของแม่อา          แม่โศกาเกือบเจียนจะบรรลัย
ใช่จะอิ่มเอิบอาบด้วยเงินทอง                     มิใช่ของตัวทำมาแต่ไหน
ทั้งผู้คนช้างม้าแลข้าไท                           ไม่รักใคร่เหมือนกับพ่อพลายงาม
ทุกวันนี้ใช่แม่จะผาสุก                              มีแต่ทุกข์เจ็บดังเหน็บหนาม
ต้องจำจนทนกรรมที่ติดตาม                      จะขืนความคิดไปก็ใช่ที

คำศัพท์
ทรามสวาดิ    หมายถึง    ผู้เป็นที่รัก
ถอดความได้ว่า
นางวันทองก็ตอบพลายงามว่า เศร้าใจเจียนตาย  เงินทองข้าทาสบริวารไม่มีอะไรสำคัญกว่าลูกทุกวันนี้ที่นางวันทองทนอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ไม่ได้มีความสุขเลยแต่ก็ต้องทนอยู่ทำตามใจตนเองก็ไม่ได้

--------------------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อพ่อเจ้าเข้าคุกแม่ท้องแก่                    เขาฉุดแม่ใช่จะแกล้งแหนงหนี 
ถึงพ่อเจ้าเล่าไม่รู้ว่าร้าย                          เป็นหลายปีแม่มาอยู่กับขุนช้าง
เมื่อพ่อเจ้ากลับมาแต่เชียงใหม่                 ไม่เพ็ดทูลสิ่งไรแต่สักอย่าง
เมื่อคราวตัวแม่เป็นคนกลาง                     ท่านก็ วางบท คืนให้บิดา
เจ้าเป็นถึง หัวหมื่นมหาดเล็ก                  มิใช่เด็กดอกจงฟังคำแม่ว่า 
จงเร่งกลับไปคิดกับบิดา                         ฟ้องหากราบทูลพระทรงธรรม์
คำศัพท์
วางบท   หมายถึง   ถูกกำหนดให้แสดงไปตามบท คือ หน้าที่ที่กำหนดให้ในที่นี้หมายถึง ครั้งหนึ่งสมเด็จพระพันวษาได้เคยทรงตัดสินให้นางวันทองกลับไปอยู่กับขุนแผน
หัวหมื่นมหาดเล็ก    หมายถึง   ตำแหน่งข้าราชการมหาดเล็กถัดจากตำแหน่งจางวางซึ่งเป็นตำแหน่งหัวหน้าข้ารับใช้ของเจ้านายชั้นบรมวงศ์หรือทรงกลมลงมา
ถอดความได้ว่า
            เมื่อตอนขุนแผนถูกจับเข้าคุก แม่ก็ท้องแก่ ขุนช้างฉุดแม่มาไม่ได้หนีขุนแผนมา ตอนขุนแผนเขารบชนะเชียงใหม่มีความดีความชอบ พระพันวษาก็ตัดสินให้ไปอยู่กับขุนแผน ลูกเป็นถึงหัวหมื่นมหาดเล็ก ไม่ใช่เด็กแล้วจงกลับไปคิดไตร่ตรองกับพ่อให้ดี แล้วไปกราบทูลพระพันวษา

 --------------------------------------------------------------------------------------------------


พระองค์คงจะโปรดประทานให้                  จะปรากฏยศไกรเฉิดฉัน
อันจะมาลักพาไม่ว่ากัน                          เช่นนั้นใจแม่มิเต็มใจ
ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม                    ฟังความเห็นว่าแม่หาไปไม่
คิดบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยวเบี้ยวบิดไป            เพราะรักอ้ายขุนช้างกว่าบิดา
จึงว่าอนิจจาลูกมารับ                             แม่ยังกลับทัดทานเป็นหนักหนา
            เหมือนไม่มีรักใคร่ในลูกยา          อุตส่าห์มารับแล้วยังมิไป
ถอดความได้ว่า
พระพันวษาคงจะโปรดประทานให้ ถ้าจะมาลักตัวแม่กลับแม่ไม่ว่า แต่แม่จะไม่เต็มใจกลับ พลายงามได้ฟังที่นางวันทองพูดจึงตอบไปว่า เพราะว่าแม่รักชุนช้างมากกว่าขุนแผนแม่ถึงได้บ่ายเบี่ยงไม่ยอมที่จะกลับทั้งๆที่ลูกก็มาแล้วแล้ว หรือว่าแม่ไม่รักลูกแล้ว

 --------------------------------------------------------------------------------------------------
เสียแรงเป็นลูกผู้ชายไม่อายเพื่อน                    จะพาแม่ไปเรือนให้จงได้
แม้นมิไปให้งามก็ตามใจ                                จะบาปกรรมอย่างไรก็ตามที
จะตัดเอาศีรษะของแม่ไป                               ทิ้งแต่ตัวไว้ให้อยู่นี่
แม่อย่าเจรจาให้ช้าที                                    จวนแจ้ง แสงศรี จะรีบไป
ครานั้นวันทองผ่องโสภา                               เห็นลูกยากัดฟันมันไส้
ถือดาบฟ้าฟื้นยืนแกว่งไกว                             ตกใจกลัวว่าจะฆ่าฟัน
คำศัพท์
แสงศรี     หมายถึง    มาจากคำว่า แสงสุรีย์ศรี  หมายถึง  แสงอาทิตย์  
ถอดความได้ว่า
พลายงามตอบว่าตนเป็นลูกผู้ชายวันนี้จะต้องพาแม่กลับบ้านไปให้ได้ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ยอมก็ตาม ถ้าแม่ไม่กลับไปขอทำบาปกรรมแล้ววันนี้ ต่อให้ตัดหัวของแม่ไปแล้วทิ้งแต่ตัวไว้ที่นี่ก็จะทำ แม่อย่ามัวพูดอยู่ รีบไปเถอะฟ้าจะแจ้งแล้ว ฝ่ายนางวันทองพอเห็นลูกกัดฟัน แกว่งดาบฟ้าฟื้นก็กลัว

  --------------------------------------------------------------------------------------------------


จึงปลอบว่าพลายงามพ่อทรามรัก            อย่าฮึกฮักว่าวุ่นทำหุนหัน
จงครวญใคร่ให้เห็นข้อสำคัญ                 แม่นี้พรั่นกลัวแต่จะเกิดความ
ด้วยเป็นข้าลักไปไทลักมา                    เห็นเบื้องหน้าจะอึงแม่จึงห้าม
ถ้าเจ้าเห็นเป็นสุขไม่ลุกลาม                  ก็ตามเถิดมารดาจะคลาไคล
ว่าพลางนางลุกออกจากห้อง                 เศร้าหมองโศกาน้ำตาไหล
พระหมื่นไวยก็พามารดาไป                   พอรุ่งแจ้งแสงใสก็ถึงเรือน
ถอนความได้ว่า
นางวันทองปลอบลูกว่าอย่าหุนหัน  ที่แม่ไม่ไปนั้นเพราะกลัวลูกจะเดือดร้อนเป็นคดีความ  แต่ถ้าลูกเห็นว่าดีว่างามแม่ก็จะตามกลับไป แล้ววันทองก็ตามพลายงามกลับบ้าน  พลายงามพาแม่ไปถึงบ้านเมื่อใกล้สว่าง

  --------------------------------------------------------------------------------------------------

        จะกล่าวถึงเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง            นอนครางหลับกรนอยู่ป่นเปื้อน
อัศจรรย์ฝันแปรแชเชือน                              ว่าขี้เรื้อนขึ้นตัวทั่วทั้งนั้น
หาหมอมารักษา ยาเข้าปรอท                      มันกินปอดตับไตออกไหลลั่น
ทั้งไส้น้อยไส้ใหญ่แลไส้ตัน                          ฟันฟางก็หักจากปากตัว
ตกใจตื่นผวาคว้าวันทอง                              ร้องว่าแม่คุณแม่ช่วยผัว
ลุกขึ้นงกงันตัวสั่นรัว                                    ให้นึกกลัวปรอทจะตอดตาย
คำศัพท์
ยาเข้าปรอท      หมายถึง    ยาที่ประสมสารปรอทซึ่งอาจทำให้เป็นพิษได้
ถอดความได้ว่า
ขุนช้างที่นอนหลับอยู่ ก็ได้ฝันร้ายว่า “เป็นขี้เรือนทั่วทั้งตัว พอไปหาหมอกินยาประสมปรอทจึงถูกปรอทกินกินตับไตไส้พุงและฟันฟางก็หักออกจากปาก” เมื่อขุนช้างตื่นขึ้นมาก็ผวาจะคว้าหานางวันทอง

  --------------------------------------------------------------------------------------------------


ลืมตาเหลียวหาเจ้าวันทอง                    ไม่เห็นน้องห้องสว่างตะวันสาย
ผ้าผ่อนล่อนแก่นไม่ติดกาย                   เห็นม่านขาดเรี่ยรายประหลาดใจ
ตะโกนเรียกในห้องวันทองเอ๋ย               หาขานรับเช่นเคยซักคำไม่
ทั้งข้าวของมากมายก็หายไป                 ปากประตูเปิดไว้ไม่ใส่กลอน
พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุ่น                  อีอุ่นอีอิ่มอีฉิมอีสอน
อีมีอีมาอีสาคร                                    นิ่งนอนไยหวามาหากู
คำศัพท์
ล่อนแก่น    หมายถึง   สิ้นเนื้อประดาตัว  ไม่มีติดตัว
ถอดความได้ว่า
พอขุนช้างลืมตาขึ้นมามองก็ไม่เห็นนางวันทองอยู่ในห้อง จึงตะโกนเรียกหาวันทอง ก็ไม่มีเสียงขานรับกลับมา พอมองไปในห้องก็เห็นข้าวของมากมายหายไป จึงตะโกนเรียกบ่าวไพร่ในบ้านให้เข้ามาหา

  --------------------------------------------------------------------------------------------------


บ่าวผู้หญิงวิ่งไปอยู่งกงัน                  เห็นนายนั้นแก้ผ้ากางขาอยู่
ต่างคนทรุดนั่งบังประตู                     ตกตะลึงแลดูไม่เข้ามา
ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้                   ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า
แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังกา                ย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ตัว
 ยายจังงันงกยกมือไหว้                    นั่นพ่อจะไปไหนพ่อทูนหัว
ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว                   ขุนช้างมองดูตัวก็ตกใจ
คำศัพท์
แหงนเถ่อ    หมายถึง   ค้างอยู่
จังกา            หมายถึง   คือ จังก้า เป็นลักษณะยืนถ่างขาตั้งท่าเตรียมสู้ เป็นต้น
ถอดความได้ว่า
บ่าวที่เป็นผู้หญิงก็วิ่งกันไปหาแต่เห็นขุนช้างแก้ผ้าอยู่ ก็หลบกันไปอยู่หลังประตูไม่กล้าเข้ามา ชุนช้างเห็นดังนั้นก็ขัดใจจึงลุกขึ้นทั้งๆที่ยังแก้ผ้าอยู่ ยืนค้างถ่างขาแล้วก้าวออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว  ยายจันก็ยกมือไหว้แล้วถามขุนช้างว่าจะไปไหน เสื้อผ้าไม่ใส่ พอขุนช้างมองดูตัวเองก็ต้องตกใจ

  --------------------------------------------------------------------------------------------------

สองมือปิดขาเหมือนท่าเปรต             ใครมาเทศน์เอาผ้ากูไปไหน
ให้นึกอดสูหมู่ข้าไท                         ยายจันไปเอาผ้าให้ข้าที
ยายจันตกใจเต็มประดา                    เข้าไปฉวยผ้าเอามาคลี่
หยิบยื่นส่งไปให้ทันที                       เมินหนีอดสูไม่ดูนาย
ขุนช้างตัวสั่นเทาบอกบ่าวไพร่             เจ้าวันทองไปไหนอย่างไรหาย
เอ็งไปดูให้รู้ซึ่งแยบคาย                     พบแล้วอย่าวุ่นวายให้เชิญมา
ถอดความได้ว่า
ขุนช้างเอามือไปปิดขาเหมือนท่าที่เปรตยืน แล้วบอกว่าใครมาเอาผ้าไปไหน เลยนึกละอายใจกับเหล่าคนใช้ แล้วบอกให้ยายจันไปเอาผ้ามาให้ ยายจันก็ตกใจแล้วไปหยิบผ้ามาคลี่แล้วส่งไปให้กับขุนช้าง แล้วตนเองก็หลบไปไม่กล้ามอง ขุนช้างก็บอกคนใช้อย่างสั่นเทาว่า นางวันทองหายไปไหน ให้ไปดูว่าอยู่ที่ไหนถ้าเจอตัวแล้วก็ให้เชิญตัวกลับมา

  --------------------------------------------------------------------------------------------------



ข้าไทได้ฟังขุนช้างใช้                      ต่างเที่ยวค้นด้นไปจะเอาหน้า
ทั้งห้องนอกห้องในไม่พบพา              ทั่วเคหาแล้วไปค้นจนแผ่นดิน
เห็นประตูรั้วบ้านบานเปิดกว้าง            ผู้คนนอนสล้างไม่ตื่นสิ้น
เสาแรกแตกต้นเป็นมลทิน                 กินใจกลับมาหาขุนช้าง
บอกว่าได้ค้นคว้าหาพบไม่                 แล้วเล่าแจ้งเหตุไปสิ้นทุกอย่าง
ข้าเห็นวิปริตผิดท่าทาง                      ที่นวลนางวันทองนั้นหายไป
ถอดความได้ว่า
พวกคนใช้ได้ฟังที่ขุนช้างใช้ต่างก็ไปค้นหาเพื่อที่จะเอาหน้า แต่หาเท่าไรก็ยังหากันไม่พบพอออกไปหน้าบ้านก็เห็นประตูบ้านเปิดอยู่กับคนที่นอนเกลื่อนกลาดเพราะมนต์สะกด ก็กลับมารายงานขุนช้างว่าไม่พบนางวันทอง เห็นแต่ “เสาแรกแตกต้น” ซึ่งดูผิดประหลาดไป

  -------------------------------------------------------------------------------------------------- 


           ครานั้นขุนช้างฟังบ่าวบอก             เหงื่อออกโซมล้านกระบาลใส
คิดคิดให้แค้นแสนเจ็บใจ                         ช่างทำได้ต่างต่างทุกอย่างจริง
สองหนสามหนก่นแต่หนี                          พลั้งทีลงไม่รอดนางยอดหญิง
คราวนั้นอ้ายขุนแผนมันแง้นชิง                 นี่คราวนี้หนีวิ่งไปตามใคร
ไม่คิดว่าจะเป็นเห็นว่าแก่                          ยังสาระแนหลบลี้หนีไปไหน
เอาเถิดเป็นไรก็เป็นไป                             ไม่เอากลับมาได้ไม่ใช่กู
คำศัพท์
แง้นชิง หมายความว่า   แง้น ในที่นี้น่าจะเป็นคำเดียวกับคำว่า แง่น ซึ่งแปลว่าแยกเขี้ยวจะกัด 
แง้นชิงจึงหมายถึง แสดงอาการโกรธ แย่งชิง ทั้งๆที่ไม่สมควรจะได้
ถอดความได้ว่า
ขุนช้างได้ฟังที่คนใช้พูดเหงื่อก็ออกเต็มหัวล้าน คิดไปแล้วขุนช้างก็เจ็บใจขุนช้างพอได้ยินก็เหงื่อท่วมตัวทั้งแค้น ทั้งเจ็บใจ  บ่นด่านางวันทองว่าหายไปไหน  หนีตนไปได้สองสามครั้งแล้ว  พอได้โอกาสก็หนี  ตอนนั้นขุนแผนเป็นคนพาไป แล้วคราวนี้นางวันทองไปกับใคร  แต่ถึงอย่างไรก็จะต้องตามกลับมาให้ได้

   --------------------------------------------------------------------------------------------------

          จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม            เกรงเนื้อความนั่งนึกตรึกตรองอยู่
อ้ายขุนช้างสารพัดเป็นศัตรู                     ถ้ามันรู้ว่าลักเอาแม่มา
มันก็จะสอดแนมแกมเท็จ                       ไปกราบทูลสมเด็จพระพันวษา
ดูจะระแวงผิดในกิจจา                            มารดาก็จะต้องซึ่งโทษภัย
คิดแล้วเรียกหมื่นวิเศษผล                       เอ็งเป็นคนเคยชอบอัชฌาสัย
จงไปบ้านขุนช้างด้วยทันใด                     ไกล่เกลี่ยเสียอย่าให้มันโกรธา
ถอดความได้ว่า
พลายงามเกรงว่าขุนช้างจะนำเรื่องที่เอาตัวนางวันทองมา ไปกราบทูลพระพันวษา  ทำให้นางวันทองต้องรับโทษไปด้วย คิดได้ดังนั้นจึงเรียกหมื่นวิเศษผล ให้ไปบ้านขุนช้างแล้วไกล่เกลี่ยเรื่องนางวันทอง อย่าให้ขุนช้างโกรธ

  --------------------------------------------------------------------------------------------------



บอกว่าเราจับไข้มาหลายวัน                      เกรงแม่จะไม่ทันมาเห็นหน้า
เมื่อคืนนี้ซ้ำมีอันเป็นมา                            เราใช้คนไปหาแม่วันทอง
พอขณะมารดามา ส่งทุกข์                       ร้องปลุกเข้าไปถึงในห้อง
จึงรีบมาเร็วไวดังใจปอง                           รักษาจนแสงทองสว่างฟ้า
ไม่ตายคลายคืนฟื้นขึ้นได้                         กูขอแม่ไว้พอเห็นหน้า
แต่พอให้เคลื่อนคลายหลายเวลา                จึงจะส่งมารดานั้นคืนไป
คำศัพท์
ส่งทุกข์                 หมายความว่า     เข้าส้วม
ถอดความได้ว่า
ให้หมื่นวิเศษผลบอกกับขุนช้างว่าตนไม่สบายมาหลายวันจึงอยากพบหน้าแม่  เลยใช้คนไปตามแม่ถึงส้วม แม่จึงรีบมาหาตน แต่ตอนนี้ตนไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ขอให้แม่อยู่กับตนสักระยะหนึ่งแล้วจะส่งแม่กลับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
***********
           ถอดคำประพันธ์โดยเด็ก 6/7 นบ. รุ่น81
           ผิดพลาดประการใดโปรดแสดงความคิดเห็นเพื่อแจ้งให้แก้ไข




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น