วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

ถอดคำประพันธ์ ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา 4




โอ้เจ้าแก้วแววตาของพี่เอ๋ย                      เจ้าหลับใหลกระไรเลยเป็นหนักหนา
ดังนิ่มน้องหมองใจไม่นำพา                                  ฤๅขัดเคืองคิดว่าพี่ทอดทิ้ง
ความรักหนักหน่วงทรวงสวาท                              พี่ไม่คลาดคลายรักแต่สักสิ่ง
เผอิญเป็นวิปริตที่ผิดจริง                                         จะนอนนิ่งถือโทษโกรธอยู่ไย
ว่าพลางเอนแอบลงแนบข้าง                                  จูบพลางชวนชิดพิสมัย
ลูบไล้พิไรปลอบให้ชอบใจ                                    เป็นไรจึงไม่ฟื้นตื่นนิทรา
ถอดความได้ว่า
            ขุนแผนง้อนางวันทองด้วยคำพูดหวานๆและขอโทษนางวันทอง ว่าอย่าโกรธขุนแผนเลย จะนอนนิ่งไม่คุยกับขุนแผนเลยหรอ ขุนแผนพูดไปแล้วก็ก้มลงนอนแนบข้างๆนางวันทองพร้อมพรมจูบ ลูบแขน   และถามนางวันทองว่าทำไมไม่ตื่นขึ้นมาคุยกับขุนแผน

--------------------------------------------------------------------------------------


เจ้าวันทองน้องตื่นจากที่นอน                    โอนอ่อนวอนไหว้พิไรว่า
หม่อมน้อยใจฤๅที่ไม่เจรจา                                          ใช่ตัวข้านี้จะงอนค่อนพิไร
ชอบผิดพ่อจงคิดคะนึงตรอง                                      อันตัวน้องมลทินหาสิ้นไม่
ประหนึ่งว่าวันทองนี้สองใจ                                      พบไหนก็เป็นแต่เช่นนั้น
ที่จริงใจถึงไปอยู่เรือนอื่น                                           คงคิดคืนที่หม่อมเป็นแม่นมั่น
ด้วยรักลูกกรักผัวยังพัวพัน                                         คราวนั้นก็ไปอยู่เพราะจำใจ
ถอดความได้ว่า
            นางวันทองจึงตื่นขึ้นมาบอกว่า ขุนแผนน้อยใจนางวันทองเหรอ นางวันทองไม่ได้งอนแต่รู้สึกว่าตัวนางเป็นคนสองใจอยู่ตลอดเวลา ถึงตัวจะอยู่ที่เรือนของขุนช้างแต่ใจนั้นยังรักลูกและขุนแผนมาก ที่อยู่กับขุนช้างเพราะจำใจ

--------------------------------------------------------------------------------------



แค้นคิดด้วยมิตรไม่รักเลย                                           ยามมีที่เชยเฉยเสียได้
เสียแรงร่วมทุกข์ยากกันกลางไพร                           กินผลไม้ต่างข้าวทุกเพรางาย
พอได้ดีมีสุขลืมทุกข์ยาก                                            ก็เพราะหากหม่อมมีซึ่งที่หมาย
ว่านักก็เครื่องเคืองระคาย                                          เอ็นดูน้องอย่าให้อายเขาอีกเลย ฯ
พี่ผิดจริงแล้วเจ้าวันทอง                            เหมือนลืมน้องหลงเลือนทำเชือนเฉย
ใช่จะเพลิดเพลินชื่นเพราะอื่นเชย                          เงยหน้าเถิดจะเล่าอย่าเฝ้าแค้น
คำศัพท์
เพรางาย หมายถึง เวลาเช้าและเย็น (เพรา = เย็น, งาย = เช้า)
เครื่อง  หมายถึง เหตุ เรื่องราว ในความว่า “ว่านักก็เครื่องเคืองระคาย”
ถอดความได้ว่า
            นางวันทองแค้นใจที่ขุนแผนมัวแต่หลงนางลาวทองกับแก้วกิริยาจนลืมนางวันทอง เสียแรงที่ได้เคยอาศัยอยู่กินกันในป่า พอไปได้ดิบได้ดีมีความสุขก็ลืมนางวันทอง เป็นเพราะขุนแผนมีที่หมายใหม่ นางวันทองอยากให้ขุนแผนรักเอ็นดูนางวันทองไม่ทิ้งนางให้ขายหน้าอีก ขุนแผนกล่าวว่าพี่ผิดไปแล้ว ไม่ได้ลืมน้องเพราะมีหญิงอื่น เงยหน้าเถอะอย่าโกรธพี่เลย

 --------------------------------------------------------------------------------------


เมื่อติดคุกทุกข์ถึงเจ้าทุกเช้าค่ำ                                ต้องกลืนกกล้ำโศกเศร้านั้นเหลือแสน
ซ้ำขุนช้างคิดคดทำทดแทน                                    มันดูแคลนว่าพี่นี้ยากยับ
อาลัยเจ้าเท่ากับดวงชีวิตพี่                                      คิดจะหนีไปตามเอาเจ้ากลับ
เกรงจะพากันผิดเข้าติดทับ                                    แต่ขยับอยู่จนได้ไปเชียงอินทร์
กลับมาหมายว่าจะไปตาม                                     พอเจ้าไวยเป็นความก็ค้างสิ้น
ถอดความได้ว่า
            ขุนแผนจึงขอโทษนางวันทองและเล่าเรื่องราวทั้งหมดเพื่อปรับความเข้าใจกับนางวันทองว่าสาเหตุที่ไม่ได้ไปหาก็เพราะติดคุก แต่คิดถึงนางวันทองตลอดเวลา ตอนออกจากคุกก็ว่าจะไปพานางวันทองกลับมา
แต่มีเรื่องของพลายงามเกิดขึ้นเสียก่อน

 --------------------------------------------------------------------------------------


หัวอกใครได้แค้นในแผ่นดิน                                    ไม่เดือดดิ้นเท่าพี่กับวันทอง
คิดอยู่ว่าจะทูลพระพันวษา                                        เห็นช้ากว่าจะได้มาร่วมห้อง
จะเป็นความอีกก็ตามแต่ทำนอง                               จึงให้ลูกรับน้องมาร่วมเรือน
จะเป็นตายง่ายยากไม่ยากรัก                                     จะฟูมฟักเหมือนเมื่ออยู่ในกลางเถื่อน
ขอโทษที่พี่ผิดอย่าบิดเบือน                                      เจ้าเพื่อนเสนหาจงอาลัย
พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ                                                    จะคุมโกรธคุมแค้นไปถึงไหน
ถอดความได้ว่า
            ขุนแผนจะไปทูลพระพันวษาแต่เห็นว่าคงดำเนินเรื่องช้าเลยให้พลายงามเป็นคนรับนางวันทองกลับมา จะดูแลนางวันทองเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกันในป่า  ขุนแผนขอโทษนางวันทองแล้วบอกว่าอย่าโกรธขุนแผน ขุนแผนผิดจึงมาขอโทษจะโกรธเคืองไปถึงไหน

--------------------------------------------------------------------------------------



ความรักพี่ยังรักระงมใจ                                                 อย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย
ว่าพลางทางแอบเข้าแนบอก                                         ประคองยกของสำคัญมั่นหมาย
เจ้าเนื้อทิพย์หยิบชื่นอารมณ์ชาย                                  ขอสบายสักหน่อยอย่าโกรธา
ใจน้องมิให้หมองอารมณ์หม่อม                 ไม่ตัดใจให้ตรอมเสนหา
ถ้าตัดรักหักใจแล้วไม่มา                                                 หม่อมอย่าว่าเลยฉันไม่คืนคิด
คำศัพท์
ของสำคัญ  หมายถึง เต้านม ในความว่า “ว่าพลางทางแอบเข้าแนบอก ประคองยกของสำคัญมั่นหมาย”
ถอดความได้ว่า
            ความรักที่ขุนแผนมีให้ยังมีอยู่เต็มหัวใจ อย่าตัดความสัมพันธ์ให้เจ็บช้ำ ขุนช้างพูดไปก็ซบนางวันทอง  นางวันทองไม่เคยตัดใจจากขุนแผน  ถ้าตัดใจแล้วคงไม่กลับมาหาขุนแผน

--------------------------------------------------------------------------------------



ถึงตัวไปใจยังนับอยู่ว่าผัว                                          น้องนี้กลัวบาปทับเมื่อดับจิต
หญิงเดียวชายครองเป็นสองมิตร                            ถ้ามิปลิดเสียให้เปลื้องไม่ตามใจ
คราวนั้นเมื่อตามไปกลางป่า                                     หน้าดำเหมือนหนึ่งทามินหม้อไหม้
ชนะความงามหน้าดังเทียนชัย                                 เขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลึก
เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา                                ทีนี้หน้าจะดำเป็นน้ำหมึก
กำเริบใจด้วยเจ้าไวยกำลังฮึก                                    จะพาแม่ตกลึกให้จำตาย
ถอดความได้ว่า
            ตัวนางวันทองอยู่กับขุนช้างแต่ใจอยู่กับขุนแผนตลอด นางวันทองกลัวบาปที่มีสามีสองคน ตอนหนีไปอยู่ป่ากับขุนแผนก็เสียหน้ามารอบหนึ่งแล้ว พอขุนช้างฉุดไปอยู่ด้วยก็เหมือนโดนฉุดไปอยู่ใต้ทะเลลึก
พอมาตอนนี้พลายงามก็มารับกลับไปอีกก็ได้อายเขาอีกรอบ

--------------------------------------------------------------------------------------


มิใช่หนุ่มดอกอย่ากลุ้มกำเริบรัก                             เอาความผิดคิดหักให้เหือดหาย
ถ้ารักน้องป้องปิดให้มิดอาย                                   ฉันกลับกลายแล้วหม่อมจงฟาดฟัน
ไปเพ็ดทูลเสียให้ทูลกระหม่อมแจ้ง                     น้องจะแต่งบายศรีไว้เชิญขวัญ
ไม่พักวอนดอกจะนอนอยู่ด้วยกัน                         ไม่เช่นนั้นฉันไม่เลยจะเคยตัว
ครั้นเวลาดึกกำดัดสงัดเงียบ                   ใบไม้แห้งแกร่งเกรียบระรุบร่อน
พระพายโชยเสาวรสขจายขจร                               พระจันทรแจ่มแจ้งกระจ่างดวง
คำศัพท์
บายศรี หมายถึง เครื่องเชิญขวัญหรือรับขวัญ ทำด้วยใบตอง รูปคล้ายกระทงเป็นชั้นๆ มีขนาดใหญ่เล็กสอบกันขึ้นไปตามลำดับ อาจเป็น 3 ชั้น 5 ชั้น 7 ชั้น หรือ 9 ชั้น มีเสาปักตรงกลางแกน มีเครื่องสังเวยวางอยู่ในบายศรีและมีไข่ขวัญเสียบอยู่บนยอด
ถอดความได้ว่า
            นางวันทองเลยบอกกับขุนแผนว่า ถ้าขุนแผนรักนางจริงต้องช่วยนาง ไปทูลพระพันวษาขอนางวันทองคืนให้ถูกต้องตามขั้นตอน ไม่อย่างนั้นก็ห้ามขุนแผนแตะเนื้อต้องตัวนางอีก ในเวลาค่ำนั้นเสียงเงียบสงัดจนได้ยินเสียงของใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ พระจันทร์ก็ส่องแสงสว่าง

--------------------------------------------------------------------------------------



ดุเหว่าเร้าเสียงสำเนียงก้อง                                    ระฆังฆ้องขานแข่งในวังหลวง
วันทองน้องนอนสนิทรวง                                    จิตง่วงระงับสู่ภวังค์
ฝันว่าพลัดไปในไพรเถื่อน                                    เลื่อนเปื้อนไม่รู้ที่จะกลับหลัง
ลดเลี้ยวเที่ยวหลงในดงรัง                                     ยังมีพยัคฆ์ร้ายมาราวี
ทั้งสองมองหมอบอยู่ริมทาง                                  พอนางดั้นป่ามาถึงที่
โดดตะครุบคาบคั้นในทันที                                   แล้วฉุดคร่าพารี่ไปในไพร
ถอดความได้ว่า
            นกก็ต่างร้องสียงดัง เสียงระฆังจากในวังก็ตีบอกเวลา นางวันทองที่นอนหลับสนิทอยู่ ก็ฝันว่าตนหลงไปในป่า หาทางกลับไม่ได้ ยิ่งเดินเลี้ยวไปไหนต่อไหนก็ยิ่งหลงทาง และก็ไปเจอเสือสองตัวนอนหมอบอยู่ริมข้างทางแล้วก็ตะครุบนางเข้าไปในป่า

 --------------------------------------------------------------------------------------


สิ้นฝันครั้นตื่นตกประหม่า                            หวีดผวากอดผัวสะอื้นไห้
เล่าความบอกผัวด้วยกลัวภัย                          ประหลาดใจน้องฝันพรั่นอุรา
ใต้เตียงเสียงหนูก็กุกกก                                แมงมุมทุ่มอกที่ริมฝา
ยิ่งหวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวมรณา                  ดังวิญญานางจะพรากไปจากกาย
ครานั้นขุนแผนแสนสนิท                            ฟังความตามนิมิตก็ใจหาย
ครั้งนี้น่าจะมีอันตราย                                   ฝันร้ายสาหัสตัดตำรา
คำศัพท์
แมงมุมทุ่มอก  หมายถึง ทุ่มอกคือตีอก เชื่อกันว่าเมื่อแมงมุมตีอกของมันจะเป็นลางร้ายอย่างหนึ่ง
ถอดความได้ว่า
            นางก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้ผวากอดขุนแผนและเล่าความฝันให้ขุนแผนฟัง ยิ่งได้ยินเสียงหนูร้องและแมงมุมทุ่มอกยิ่งใจหายกลัวจะเกิดเรื่องไม่ดี

--------------------------------------------------------------------------------------



พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล                             ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา
มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา                                  กอดเมียเมินหน้าน้ำตากระเด็น
จึงแกล้งเพทุบายทำนายไป                          ฝันอย่างนี้มิใช่จะเกิดเข็ญ
เพราะวิตกหมกไหม้จึงได้เป็น                    เนื้อเย็นอยู่กับผัวอย่ากลัวทุกข์
พรุ่งนี้พี่จะแก้เสนียดฝัน                              แล้วทำมิ่งสิ่งขวัญให้เป็นสุข
มิให้เกิดราคีกลียุค                                         อย่าเป็นทุกข์เลยเจ้าจงเบาใจ
คำศัพท์
อัฐกาล หมายถึง อัฐเคราะห์ คือตำแหน่งดาวเคราะห์ทั้ง 8 ตามตำราโหราศาสตร์
เสนียด หมายถึง ไม่เป็นมงคล
ถอดความได้ว่า
            เมื่อขุนแผนได้ฟังความฝันของนางวันทองก็รู้ว่าเป็นลางบอกเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น แต่ไม่รู้จะบอกนางวันทองยังไงเลยปลอบใจนางวันทอง จึงแกล้งบอกปลอบใจนางวันทองว่าเป็นเพราะนางคิดมากไปไม่ได้จะเกิดเหตุร้ายหรอก อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะแก้สิ่งไม่เป็นมงคลให้และทำสิ่งดีทำให้นางมีความสุข ไม่ให้เกิดสิ่งร้ายๆ สบายใจได้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
***********
           ถอดคำประพันธ์โดยเด็ก 6/7 นบ. รุ่น81
           ผิดพลาดประการใดโปรดแสดงความคิดเห็นเพื่อแจ้งให้แก้ไข





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น