ครั้นว่ารุ่งสางสว่างฟ้า สุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงชัย
เนาในพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์
พร้อมด้วยพระกำนัลนักสนม หมอบประนมเฝ้าแหนแน่นขนัด
ประจำตั้งเครื่องอานอยู่งานพัด ทรงเคืองขัดขุนช้างแต่กลางคืน
แสนถ่อยใครจะถ่อยเหมือนมันบ้าง ทุกอย่างที่จะชั่วอ้ายหัวลื่น
เวียนแต่เป็นถ้อยความไม่ข้ามคืน น้ำยืนหยั่งไม่ถึงยังดึงมา
คำศัพท์
เครื่องอาน หมายถึง
เครื่องกิน
ถ่อย หมายถึง ชั่ว,เลว
น้ำยืนหยั่งไม่ถึง หมายถึง
น้ำลึกเกินกว่าเท้าจะหยั่งถึง
ถอดความได้ว่า
วันรุ่งขึ้นสมเด็จพระพันวษาประทับบนบัลลังก์มีนางกำนัลและสนมหมอบเฝ้าอยู่
ตั้งเครื่องกินและอยู่งานพัดตามหน้าที่
สมเด็จพระพันวษาขัดเคืองขุนช้างตั้งแต่เวลากลางคืน ทรงเห็นว่าขุนช้างเป็นคนชั่วคอยแต่มีคดีความกับผู้อื่น
------------------------------------------------------------------
คราวนั้นฟ้องกันด้วยวันทอง นี่มันฟ้องใครอีกอ้ายชาติข้า
ดำริพลางทางเสด็จยาตรา ออกมาพระที่นั่งจักรพรรดิ
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างองค์ ขุนนางกราบลงเป็นขนัด
ทั้งหน้าหลังเบียดเสียดเยียดยัด หมอบอัดถัดกันเป็นหลั่นไป
ทอดพระเนตรมาเห็นขุนช้างเฝ้า เออใครเอาฟ้องมันไปไว้ไหน
พระหมื่นศรีถวายพลันในทันใด รับไว้คลี่ทอดพระเนตรพลัน
คำศัพท์
พระสูตร หมายถึง ม่าน
ถอดความได้ว่า
คราวก่อนก็ฟ้องร้องเรื่องวันทอง
ครั้งนี้ไม่ทรงทราบว่าจะฟ้องใครอีก พระองค์จึงเสด็จออกมาที่พระที่นั่งจักรพรรดิ เมื่อม่านรูดออกขุนนางก็พร้อมกันกราบลงหมอบเฝ้ากันอยู่มากมายตามลำดับ
ทรงทอดพระเนตรเห็นขุนช้างเข้าเฝ้าอยู่จึงตรัสถามขุนนางว่าจะฟ้องใคร หมื่นศรี
จึงถวายฎีกาให้ทอดพระเนตร
------------------------------------------------------------------
พอทรงจบแจ้งพระทัยในข้อหา ก็โกรธาเคืองขุ่นหุ่นหัน
มันเคี่ยวเข็ญทำเป็นอย่างไรกัน อีวันทองคนเดียวไม่รู้แล้ว
ราวกับไม่มีหญิงเฝ้าชิงกัน หรืออีวันทองนั้นมันมีแก้ว
รูปอ้ายช้างชั่วช้าตาบ้องแบ๋ว ไม่เห็นแววที่ว่ามันจะรัก
ใครจะเอาเป็นผัวเขากลัวอาย หัวหูดูเหมือนควายที่ตกปลัก
คราวนั้นเป็นความกูถามซัก ตกหนักอยู่กับเฒ่าศรีประจัน
คำศัพท์
โกรธา หมายถึง โกรธ
ปลัก หมายถึง
แอ่งที่เป็นโคลนเลน
ถอดความได้ว่า
พอทอดพระเนตรเสร็จก็กริ้วว่าเรื่องวันทองคนเดียว
ทำไมไม่จบกันเสียทีเหมือนกับไม่มีผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว และทรงไม่เห็นว่าวันทองจะมีใจรักขุนช้าง
ใครก็ไม่อยากได้ขุนช้างไปเป็นผัว เพราะดูรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด
------------------------------------------------------------------
วันทองกูสิให้กับไอ้แผน ไยแล่นมาอยู่กับอ้ายช้างนั่น
จมื่นศรีไปเอาตัวมันมาพลัน ทั้งวันทองขุนแผนอ้ายหมื่นไวย
ฝ่ายพระหมื่นศรีได้รับสั่ง ถอยหลังออกมาไม่ช้าได้
ฝ่ายพระหมื่นศรีได้รับสั่ง ถอยหลังออกมาไม่ช้าได้
สั่งเวรกรมวังในทันใด ตำรวจในวิ่งตะบึงมาถึงพลัน
ขึ้นไปบนเรือนพระหมื่นไวย แจ้งข้อรับสั่งไปขมีขมัน
ขุนช้างฟ้องร้องฎีกาพระทรงธรรม์ ให้หาทั้งสามท่านนั้นเข้าไป
คำศัพท์
ตะบึง หมายถึง รีบเร่ง
ขมีขมัน หมายถึง ทันทีทันใด
พระทรงธรรม์ หมายถึง พระมหากษัตริย์
ถอดความได้ว่า
คราวก่อนก็ยกวันทองให้กับขุนแผนไปแล้ว
ทำไมจึงมาอยู่กับขุนช้างอีก จึงให้จมื่นศรีไปนำตัววันทอง ขุนแผนและจมื่นไวย พระหมื่นศรีได้รับคำสั่งให้ถอยหลังออกมาในไม่ช้าและสั่งหารในวังทันทีให้ทหารวิ่งมาอย่างเร่งรีบและขึ้นไปบนเรือนพระหมื่นไวยและแจ้งรับสั่งให้รีบไปในทันที
ขุนช้างได้ยืนคำร้องทุกข์ให้พระเจ้าแผ่นดินให้เรียกทั้งสามคนมาเข้าเฝ้า
------------------------------------------------------------------
ครานั้นวันทองเจ้าพลายงาม ได้ฟังความคร้ามครั่นหวั่นไหว
ขุนแผนเรียกวันทองเข้าห้องใน ไม่ไว้ใจจึงเสกด้วยเวทมนตร์
สีขี้ผึ้งสีปากกินหมากเวทย์ ซึ่งวิเศษสารพัดแก้ขัดสน
น้ำมันพรายน้ำมันจันทน์สรรเสกปน เคยคุ้มขังบังตนแต่ไรมา
แล้วทำผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์ คนเห็นคนทักรักทุกหน้า
เสกกระแจะจวงจันทร์น้ำมันทา เสร็จแล้วก็พาวันทองไป
ถอดความได้ว่า
ตอนนั้นนางวันทองและพลายงามได้ฟังคำรับสั่งแล้วรู้สึกตื่นเต้น
และขุนแผนเรียกนางวันทองเข้าไปข้างในห้อง เพราะไม่ไว้ใจเลยเสกมนตร์ใส่นางวันทอง
เอาขี้ผึ้งมาปากและกินหมากที่ลงมนตร์ไว้ มันเป็นของที่ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง
มีทั้งน้ำมันพรายและน้ำมันจันทน์ที่ใช้พลางตัวมาตลอด
แล้วนำผงเสน่ห์มาทาหน้าเพื่อให้คนที่เห็นที่ทักทุกคนต่างหลงรักตนและเสกเครื่องหอมที่ทำด้วยไม้จันทร์ทำให้เป็นน้ำมันพอทำเสร็จแล้วก็พานางวันทองออกไป
------------------------------------------------------------------
ครานั้นทองประศรีผู้มารดา ครั้นได้แจ้งกิจจาไม่นิ่งได้
เด็กเอ๋ยวิ่งตามมาไวไว ลงบันไดงันงกตกนอกกชาน
พลายชุมพลกอดก้นทองประศรี กูมิใช่ช้างขี่ดอกลูกหลาน
ลุกขึ้นโขย่งโก้งโค้งคลาน ซมซานโฮกฮากอ้าปากไป
ครั้นถึงยั้งอยู่ประตูวัง ผู้รับสั่งเร่งรุดไม่หยุดได้
ขุนแผนวันทองพระหมื่นไวย เข้าไปเฝ้าองค์พระภูมี ฯ
ถอดความได้ว่า
เมื่อแม่ของนางวันทองได้รู้ข่าวก็ร้อนใจ
รีบเรียกลูกหลานให้วิ่งตามมาให้รีบลงจากบันไดจนตกออกนอกชาน
พลายชุมพลก็เข้ากอดก้นนางทองประศรี
นางทองประศรีจึงตะโกนบอกว่าพลายชุมพลว่าตนไม่ใช่ช้าง แล้วก็ลุกขึ้น
เมื่อถึงหน้าประตูวัง ทั้งสามคนจึงรีบเข้าไปเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์
------------------------------------------------------------------
ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ปิ่นปักนคเรศเรืองศรี
เห็นสามราเข้ามาอัญชลี พระปรานีเหมือนลูกในอุทร
ด้วยเดชะพระเวทวิเศษประสิทธิ์ เผอิญคิดรักใคร่พระทัยอ่อน
ตรัสถามอย่างความราษฎร ฮ้าเฮ้ยดูก่อนอีวันทอง
เมื่อมึงกลับมาแต่ป่าใหญ่ กูสิให้อ้ายแผนประสมสอง
ครั้นกูขัดใจให้จำจอง ตัวของมึงไปอยู่แห่งไร
ถอดความได้ว่า
เมื่อพระพันวสาเห็นทั้งสามคน(ขุนช้าง
พระไวย และนางวันทอง)เดินเข้ามาก็เกิดความเอ็นดูอย่างลูก
จึงตรัสถามความว่าเมื่อกลับมาจากป่าที่ตัดสินให้ไปอยู่กับขุนแผนเป็นอย่างไร
------------------------------------------------------------------
ทำไมไม่อยู่กับอ้ายแผน แล่นไปอยู่กับอ้ายช้างใหม่
เดิมมึงรักอ้ายแผนแล่นตามไป ครั้นยกให้เต้นกลับเล่นตัว
อยู่กับอ้ายช้างไม่อยู่ได้ เกิดรังเกียจเกลียดใจด้วยชังหัว
ดูยักใหม่ย้ายเก่าเฝ้าเปลี่ยนตัว ตกว่าชั่วแล้วมึงไม่ไยดี
ฯ
ครานั้นวันทองได้รับสั่ง ละล้าละลังประนมก้มเกศี
หัวสยองพองพรั่นทันที ทูลคดีพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ถอดความได้ว่า
ให้ไปอยู่กับขุนแผนทำไมถึงไม่ไปอยู่
แต่กลับไปอยู่กับขุนช้าง ทั้งๆที่แต่ก่อนรักกับขุนแผนไม่ใช่เหรอพอจะยกให้ไปอยู่กับขุนช้าง
ก็รังเกียจขุนช้างขึ้นมา เปลี่ยนไปเปลี่ยนมามันไม่ดี เมื่อนางวันทองได้รับสั่ง
ก็รู้สึกละล้าละลังจึงประนมมือไหว้เหนือหัว นางรู้สึกกลัวมาก
------------------------------------------------------------------
ขอเดชะละอองธุลีพระบาท องค์หริรักษ์ราชรังสรรค์
เมื่อกระหม่อมฉันมาแต่อรัญ ครั้งนั้นโปรดประทานขุนแผนไป
ครั้นอยู่มาขุนแผนต้องจำจอง กระหม่อมฉันมีท้องนั้นเติบใหญ่
อยู่ที่เคหาหน้าวัดตะไกร ขุนช้างไปบอกว่าพระโองการ
มีรับสั่งโปรดประทานให้ กระหม่อมฉันไม่ไปก็หักหาญ
ยื้อยุดแดคร่าทำสามานย์ เพื่อนบ้านจะช่วยก็สุดคิด
ถอดความได้ว่า
นางวันทองทูลขอพระพันวษาว่า
เมื่อตอนที่ออกจากป่าพระองค์ยกหม่อมฉันให้ขุนแผน ต่อมาขุนแผนถูกเข้าคุก
ดิฉันได้ตั้งทอง
ขุนช้างก็เข้ามากระหม่อมไปอยู่ด้วยโดยอ้างว่าเป็นพระบัญชาของพระองค์
มาฉุดกระหม่อมไปเพื่อนบ้านก็เกรงกลัวเพราะคิดว่าเป็นพระบัญชาของพระองค์
------------------------------------------------------------------
ด้วยขุนช้างอ้างว่ารับสั่งให้ ใครจะขัดขืนไว้ก็กลัวผิด
จนใจมิไปก็สุดฤทธิ์ ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา
ฯ
ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบกริ้วขุนช้างเป็นหนักหนา
มีพระสิงหนาทตวาดมา อ้ายบ้าเย่อหยิ่งอ้ายลิงโลน
ตกว่ากูหาเป็นเจ้าชีวิตไม่ มึงถือใจว่าเป็นเจ้าที่โรงโขน
เป็นไม่มีอาชญาสิทธิ์คิดถึงโดน เที่ยวทำโจรใจคะนองจองหองครัน
ถอดความได้ว่า
พระพันวษาได้ฟังขุนช้างทูลก็ทรงกริ้ว
ตวาดเสียงดังลั่น ว่าถ้าพระองค์ไม่เป็นกษัตริย์ ขุนช้างก็คงมองไม่เห็นหัว
จะต้องเฆี่ยนเสียด้วยหวาย
------------------------------------------------------------------
เลี้ยงมึงไม่ได้อ้ายใจร้าย ชอบแต่เฆี่ยนสองหวายตลอดสัน
แล้วกลับความถามข้างวันทองพลัน เออเมื่อมันฉุดคร่าพามึงไป
ก็ช้านานประมาณได้สิบแปดปี ครั้งนี้ทำไมมึงจึงมาได้
นี่มึงหนีมันมาหรือว่าไร หรือว่าใครไปรับเอามึงมา
วันทองฟังถามให้คร้ามครั่น บังคมคัลประนมก้มเกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดา พระอาญาเป็นพ้นล้นเกล้าไป
ถอดความได้ว่า
พระพันวษาก็ตรัสถามนางวันทองว่า
เมื่อขุนช้างฉุดไปเป็นเวลาประมาณ 18 ปีทำไมถึงหนีมาได้ หนีมาเองหรือว่าใครไปรับมา นางวันทองได้ฟังคำถามก็รู้สึกกลัว
------------------------------------------------------------------
ครั้งนี้จมื่นไวยนั้นไปรับ กระหม่อมฉันจึงกลับคืนมาได้
มิใช่ย้อนยอกทำนอกใจ ขุนแผนก็มิได้ประเวณี
แต่มานั้นเวลาสักสองยาม ขุนช้างจึงหาความว่าหลบหนี
ขอพระองค์จงทรงพระปรานี ชีวีอยู่ใต้พระบาทา ฯ
ถอดความได้ว่า
นางวันทองกราบทูลสมเด็จพระพันวษาว่าจมื่นไวยไปรับตอนกลางคืน
ขุนช้างจึงคิดว่าหนีออกมา ขุนแผนก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีไม่งาม
นางทูลขอความกรุณาจากสมเด็จพระพันวษา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
***********
ถอดคำประพันธ์โดยเด็ก 6/7 นบ. รุ่น81
ผิดพลาดประการใดโปรดแสดงความคิดเห็นเพื่อแจ้งให้แก้ไข
ขอบคุณมากครับ เป็นความรู้ให้กระผมเป็นอย่างมาก ขอบคุณจริงๆครับ
ตอบลบขอบคุณมากจริงๆค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ ^^
ตอบลบขอบคุณมากๆๆเลยนะคะ พี่ทำให้หนูไม่โดนครูตี ถ้าพี่ไม่มาแปลให้นี่หนูจะไปเอาปัญญาไหนแปลให้ครูฟัง ขอบคุณที่พี่เกิดมาค่ะ
ตอบลบทองประศรี แม่ขุนแผนไม่ใช่หรอคะ? ไม่ใช่แม่ของนางวันทอง
ตอบลบข่อมครับ
ตอบลบ